วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มีดหมอ

มีดหมอ "ดีทางป้องกันภูตผีปีศาจ ขับไล่วิญญาณ"
         อาวุธในทางไสยศาสตร์ที่เป็นของติดตัวบรรดาท่านเกจิอาจารย์ อีกอย่างหนึ่งคือ มีดหมอ ซึ่งทำสำเร็จด้วยวัสดุประจุอาคมของขลัง เนื้อโลหะที่นำมาใช้ทำมีดหมอนั้น ต้องนำมาจากที่พิเศษอันเป็นสถานที่ ๆ ต้องบุกบั่นไปเอามาด้วยความยากลำบากฝ่าฟันอันตราย มีดหมอนี้ใช้สำหรับปราบภูตผีปีศาจที่มารบกวนมนุษย์ ถือโอกาสสิงสู่ในร่างของคนอ่อนแอ คนมีอายุ หญิงสาว ในการทำพิธีขับไล่วิญญาณร้ายเหล่านี้จะใช้อาคมเสกเป่า ก่อนเมื่อไม่ได้ผลคือวิญญาณนั้นไม่ยอมออกจากร่างและสำแดงฤทธิ์ต่อไป อาจารย์ท่านก็จะใช้มีดหมอเป็นอาวุธ ขั้นสุดท้าย ซึ่งมักจะได้ผลเสมอแทบทุกรายอย่างในเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน ได้กล่าวถึง ตำรา การทำมีดหมอ ไว้อย่างละเอียด คัดตอนขุนแผนประกอบพิธีสร้างมีดหมอ ดังต่อไปนี้
ครานั้นขุนแผนแสนสนิท                      เรืองฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
ได้ลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง               ก็สมปองคิดไว้แต่ไรมา
จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก                   ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา                  ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
เอาเหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ                  ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพลายตายทั้งกลม               เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสัมฤทธิกริชทองแดงพระแสงหัก      เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกลเม็ด              เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง        เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสัมฤทธิ์นาคอแจ                       เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมคอยเข้าเป็นแท่ง                เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง                 ยังคงแต่พอลามตามตำรา
ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง                 พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา                  แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี
เทียนทองติดตั้งเข้าทั้งคู่                      ศีรษะหมูเป็ดไก่ทั้งบายศรี
เอาสูบทั้งตั้งไว้ในพิธี                           เอาถ่านที่ต้องอย่างวางในนั้น
ช่างเหล็กดีฝีมือลือทั้งกรุง                     ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน
วางสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์               คนสำคัญคอยดูที่ฤกษ์ราชสีห์
ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี                     นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง                ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่
เผาซุบสานแดงแทงตะไบ                     บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับ
งามดีมิได้มีขนแมวพาด                        เลื่อมปราดเนื้อเขียวดูคมหนับ
เลื่อมพรายคล้ายแสงแมลงทับ               เปล่งปลาบวาบวับคล้ายแสงตะวัน
ด้ามนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์                  จารึกยันต์พุทธจักรที่เหล็กกั่น
เอาผมพรายร้ายดุประจุพลัน                  แล้วเอาชันกรอกด้ามเสียบัดดล
ครั้นเสร็จสรรพจับแกว่งแสงวะวับ            เกิดโกลาฟ้าพยับโพยมหน
เสียงอื้ออึงเอิกเกริกได้ฤกษ์บน               ฟ้าคำรณฝนพยับอยู่ครั่นครื้น
ฟ้าผ่าเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงโด่งดัง               ขุนแผนจิตฟูให้ชูชื่น
ได้นิมิตฟ้าเปรี้ยงดังเสียงปืน                  ให้ชื่อว่าฟ้าฟื้นอันเกรียงไกร
ยกขึ้นวางกลางศาลอ่านพระเวท             โดยเดชดาบดิ้นกระเดื่องไหว
เห็นประจักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร              ดีใจได้สมอารมณ์ปอง
เอาไม้ระงับสรรพยามาทำฝัก                 ประสมผงลงรักให้ผิวผ่อง
กาบหุ้มต้นปลายลายจำลอง                  ทำด้วยทองถ้วนบาทชาติบางตะพาน
         การสร้างมีดหมอในยุค ต่อๆมา วัสดุในการสร้าง เช่น โลหะ จากสถานที่ดังกล่าวในเรื่องข้างต้นแล้วหาได้ยาก  พระเกจิอาจารย์จึงได้ใช้เหล็กธรรมดาผสมกับตะปูตอกโลงผีตายโหงบ้าง ตะปูสังขวานร (ตะปูโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา) บ้าง หล่อหลอมและตีเป็นใบมีด ส่วนด้ามมีดนั้น จะนิยมนำงาช้างมาแกะเป็นรูปต่าง ๆ เช่น รูปท้าวเวสสุวัณ ฤาษี หรือรูปในวรรณคดีต่าง ๆ

         มีดหมอในรุ่นหลังๆ ต่อมานี้ นิยมเอากัลปังหา เอามาทำด้ามมีด เพราะถือว่า "กัล" ซึ่งหมายถึงการออกเสียงว่า "กัน" เป็นนิมิตโฉลกดี คือป้องกันนั่นเอง แม้แต่กัลปังหาขนาดใหญ่ที่จะนำมาทำด้ามมีดหมอ เพื่อความคงขลังในปัจจุบันก็หาได้ยากยิ่ง
         ตำราการสร้างมีดหมอมีอีกหลายอาจารย์ แต่ตำรับเดิมนั้นน่าจะเป็นของในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งในยุคนั้น ระยะแรก ๆ บรรพบุรุษของไทยเราต้องรบกับข้าศึกอยู่เสมอมิได้ขาดมีดหมอ จึงมีความสำคัญคู่กับประวัติศาสตร์ไทยอีกชั้นหนึ่ง

อ้างอิงจาก  http://www.itti-patihan.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น